แฟนฟิค:บารามอส ภาค คิลประกอบเพลง "มุม" - แฟนฟิค:บารามอส ภาค คิลประกอบเพลง "มุม" นิยาย แฟนฟิค:บารามอส ภาค คิลประกอบเพลง "มุม" : Dek-D.com - Writer

    แฟนฟิค:บารามอส ภาค คิลประกอบเพลง "มุม"

    "เฮ้ย...คิลแกมีคนที่ปิ๊งบ้างหรือเปล่าวะ"บุรุษตาเดียวแห่งป้อมอัศวินเอ่ยขึ้น มิได้จริงจังว่าจะได้คำตอบหรือไม่ หากแต่คนถูกถามถึงกับชะงักค้างกับคำถามที่ตรงใจนั้น.... นั่นสิ เธอคนนั้นคือใครกันนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,215

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.21K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 พ.ค. 52 / 19:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    สวัสดีค่ะ พบกับฟิคสั้นบารามอส เรื่องที่ 3ของฟอล์

    เมื่อในครั้งวันฮาโลวีน วิน(เพื่อนร่วมนามปากกา)

    ก็ได้มาลงไว้เรื่องหนึ่ง อย่าลืมอ่านเรื่องนี้ เรื่องที่ผ่านๆมา แล้วก็เรื่องต่อๆไปด้วยล่ะ

    ในเมื่อท่านหลงผิดเข้ามาแล้ว ก็อย่าคิดว่าจะหนีเรา 2 คนพ้น 555+

    Dr. FuDr. FuDr. Fu Dr. Fu

    che eryche ery



    เพลงไม่เกี่ยวกับเรื่องค่ะ เอามาลงให้ฟังเล่นๆ เผื่อชาวโลกจะได้รับรู้ว่าเรารักSS501

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      ฟิคประกอบเพลง ไม่สิ ต้องเรียกว่า คิลประกอบเพลงถึงจะถูก

      เอาเป็นว่า ไปอ่านเอาเองละกัน

      ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ



      .................................................................................................................................................................


      "เฮ้ย...คิลแกมีคนที่ปิ๊งบ้างหรือเปล่าวะ"บุรุษตาเดียวแห่งป้อมอัศวินเอ่ยขึ้นพร้อมๆกับยัดข้าวคำโตเข้าปากราวกับว่ามิได้จริงจังว่าจะได้คำตอบหรือไม่ หากแต่คนถูกถามถึงกับชะงักค้างนึกอึ้งกับคำถามที่ตรงใจนั้นเสียเหลือเกิน

      (หากใครคนหนึ่งมีคำถาม สักวันคุณอยากจะพบใคร คำตอบในใจ คือใครที่คุณต้องการ)


      คิลแสร้งทำเป็นไม่สนใจคำถามนั้นเช่นกัน เสมองไปรอบๆโรงอาหารที่มีผู้คนพลุกพล่าน สายตาพลันไปสะดุดลงที่ร่างบางที่กำลังจะเดินเข้าห้องอาหารมา

      "เดี๋ยวครับคุณเรนอน"เสียงทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่งที่พวกเขาทุกคนในโรงอาหารมั่นใจว่าไม่ใช่คนของป้อมอัศวินเข้าไปขวางเจ้าหญิงแห่งคาโนวาลไว้พร้อมกับส่งดอกกุหลาบช่อโตให้

      "ขอบคุณค่ะ แต่วันหลังไม่ต้องจะดีกว่านะคะ"เรนอนเอ่ยก่อนจะก้าวเข้ามายังโรงอาหารดรากอน

      เรนอน...เจ้าหญิงคนงามจากดินแดนนักรบ คาโนวาล เธอผู้เพรียบพร้อมด้วยหน้าตาอันสระสรวย กิริยาอันอ่อนช้อยงดงาม ชาติกูลสูงส่ง จะมีใครบ้างที่ไม่หมายปองเธอ อ้อ..เว้นไว้สักคนละกัน คาโล วาเนบลี

      (เธอคือคนที่ดีพร้อม ใครๆต่างพากันชอบเธอ เธอคือคำตอบที่ทุกหัวใจใฝ่ฝัน)


      "เฮ้ย ไอ้คิล เป็นอะไรวะเหม่ออยู่ได้ ไปได้แล้ว ได้เวลาเรียนแล้ว"ครี้ดเรียกเพื่อน เมื่อเห็นว่าเพื่อนเหม่อลอยจนลืมเวลา

      "อะเออ"คิลตอบรับ ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามเพื่อนไป

      ณ ห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์

      "กษัตริย์ของประเทศอเมซอนนั้นจะต้องเป็นสตรีและ..............."เสียงอาจารย์ที่สอนอยู่หน้าห้องเอ่ยต่อไปอย่างต่อเนื่อง บางคนนั้นตั้งใจจดเป็นอย่างยิ่ง หากแต่มีคนบางคนที่เสียงนี้ไม่อาจทะลุเข้าไปในโสตประสาทได้ คนๆนั้นก็คือคิลมัส ฟีลมัสนั่นเอง


      สายตาของผมจับจ้องร่างบางที่นั่งจดงานอยู่ข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว เธอทั้งสวย เรียบร้อย ดูเพรียบพร้อมเสียเหลือเกิน ผมรู้ดีว่ามีคนมากมายที่หมายปองให้เธอเดินเคียงข้าง และผมก็ไม่มีอะไรเทียบคนเหล่านั้นได้ หากแต่ผมก็ยังคงคิดถึงแต่ร่างบางที่ดูน่าทะนุถนอมนี้อยู่ทุกลมหายใจ

      ผมนั่งอยู่ตรงนี้ นั่งอยู่ข้างหลังเธอ ใกล้เพียงเอื้อมมือ หากแต่เธอไม่มีวันมองเห็น ผมยิ้มน้อยๆ สมเพชกับความคิดที่จะเอื้อมเด็ดดอกฟ้ามาคลุกกับดินอันต้อยต่ำของผม ความคิดที่ไม่สามารถเป็นจริง แม้แต่ใจฝันก็ตาม

      (และฉันเป็นคนที่ประทับใจเธอเช่นกัน แต่ฉันก็ไม่กล้าที่จะพูดไป ได้แต่ยิ้มให้เธอเบาๆ อยู่ในมุมที่เธอไม่สนใจ แอบมองดูเธอไกลๆอย่างนี้ต่อไป)

      เมื่อหมดคาบเรียนประวัติศาสตร์ พวกเราทั้งหมดก็ไปเรียนวิชายุทธศาสตร์การรบ

      "เรนอน คิลมัส เธอ 2 คน ช่วยไปหยิบชาร์ตตัวอย่างการเดินหมากของ....... กับไม้สำหรับชี้ บนโต๊ะครูให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ"อาจารย์พูดขึ้นทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้อง

      "ค่ะ/ครับ"ผมตอบรับ ก่อนจะเดินตามเรนอนออกไป

      ห้องพักอาจารย์

      ชาร์ตที่อาจารย์พูดถึงนั้นเป็นแผ่นกระดาษแผ่นใหญ่สูงถึงเอว มีด้วยกันอยู่ 5 แผ่น

      "เอ่อ เรนอนถือชาร์ต 2 แผ่นนะ เดี๋ยวเหลือฉันถือเอง"ผมพูด แล้วหยิบชาร์ตดังกล่าวขึ้นมา 3 แผ่น เรนอนพยักหน้าแล้วหยิบส่วนของตัวเอง

      เธอดูลำบากกับการถือของเหล่านี้เสียเกิน

      "เรนอน ส่งแผ่นชาร์ตมาให้ฉันหน่อย"เธอดูงงๆกับคำสั่งแต่ก็ส่งมาให้ ผมรับมันไว้ ก่อนจะส่งไม้ให้เธอถือ

      "เดี๋ยวฉันถือเอง เธอถือแค่นั้นก็พอ"ผมพูดก่อนที่จะเดินนำออกมา ได้ยินเสียงเธอเพียงเบาๆว่า ขอบคุณ

      ครั้งนี้ผมทำเพราะอยากช่วยเธอ ถึงแม้มันจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ลึกๆแล้วผมก็ดีใจนะที่อย่างน้อยผมก็ได้ช่วยเหลือ และได้พบกับเธอคนนี้

      (ได้แอบมองเธอข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้ ก็พอแล้ว ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในความหวังดี แค่ได้ชอบเธออยู่ตอนนี้ ก็ถือเป็นโชคชะตาดีๆที่คนอย่างฉันได้เกิดมาพบกับเธอ)

      เมื่อเดินมาถึงห้อง และให้ของอาจารย์แล้วผมก็เลิกไปนั่งหลังห้องให้ไกลๆจากเธอ เมื่อกี้ที่ผมได้อยู่กับเธอ 2 ต่อ 2 ความรู้สึกของผมมันหวิวๆ ผมเริ่มรู้สึกเหมือนอยากจะเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมป้อมเสียแล้ว

      ผมมองเธอจากด้านหลัง แผ่นหลังเล็กๆของเธอนั้นถูกจับจ้องด้วยสายตาหลายคู่ นอกจากผมแล้ว ยังมีผู้ชายชาติตระกูลดีอย่างพวกปราสาทขุนนางอีกหลายคนที่มองเธออยู่

      ตอนนี้ได้เวลาพักกลางวันแล้ว พวกเราเดินออกจากห้องเรียนเพื่อไปกินข้าวกลางวันกัน

      "เดี๋ยว...คิลมัส เธอช่วยยกของให้ครูได้ไหม"อาจารย์เรียกผมแล้วบอก

      "ได้ครับ"ผมตอบอาจารย์ก่อนจะหันไปทางเฟริน คาโล และพวกครี้ด

      "เดี๋ยวฉันตามไป"แล้วผมก็ต้องยกไอแผ่นชาร์ตนั่นกลับ ทั้งๆที่ชั่วโมงนี้ไม่ได้เรียนเลย(ก็แกมัวแต่มองอะไรล่ะ) ไม่เป็นไรเดี๋ยวถามไอเฟรินก็ได้ หมากรุกเป็นเรื่องกล้วยๆของมันอยู่แล้ว

      "ขอบใจนะนายคิลมัส"อาจารย์พูดก่อนที่ผมจะเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ และพบเห็นกับภาพบาดตาเข้า

      ไอคนที่อยู่ปราสาทขุนนางที่เอาดอกไม้มาให้เรนอนเมื่อเช้านี่ มันเอาดอกไม้มาให้เรนอนอีกแล้ว คราวนี้เล็กกว่าเมื่อเช้า สงสัยจะงบหมดแล้วมั้งนั่น

      "เรนอน"ผมเดินตรงเข้าไปทักเธอโดยไม่สนใจว่าไอน่าจืดนั่นจะทำหน้ายังไง

      "อ้าวคุณคิล มาแล้วหรือคะ เอ่อขอตัวก่อนนะคะ ไปค่ะคุณคิล"เรนอนพูดกับราวกับนัดกันมา ก่อนจะหันไปลาไอนั่น แล้วลากผมออกมา

      มือของเธอนิ่มและอบอุ่น หัวใจของผมเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ หากแต่เมื่อเดินมาจนหลุดพ้นจากสายตาไอหน้าจืดเรนอนก็ปล่อยมือผม แล้วหยุดเดิน

      "ขอโทษนะคะ ที่พาออกมา เรนอนไม่ชอบให้เขามาคอยตามเกาะแกะน่ะค่ะ"เรนอนพูดแล้วถามต่อ

      "เมื่อกี้เรียกเรนอน มีอะไรหรือเปล่าคะ"

      เมื่อกี้เธอบอกว่ารำคาญไอ้งั่งนั่นใช่ไหม อย่างนั้นผมก็ยังมีโอกาสน่ะสิ แต่เดี๋ยว ถึงเธอจะปฏิเสธมัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะรับรักเราหรือคนอื่น ผมรู้ดีว่าเรนอนชอบไอคาโล ทั้งๆที่รู้ว่าคาโลกับไอเฟรินมันรักกัน ก็เหมือนผมนั่นแหละที่รักเธอแม้จะรู้ว่าเธอรักไอคาโล

      "เอ่อ คุณคิลคะ คุณคาโลกับคุณเฟริน เป็นยังไงบ้างคะ"และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอเข้ามาพูดคุยกับผมเพื่อถามเรื่องชีวิตรักของคาโลและเฟริน

      "ก็ยังรักกันดี"ผมตอบตามความจริง เรนอนสลดลงเล็กน้อย ขอร้องล่ะเรนอน เธออย่าเข้าใกล้ฉันมากกว่านี้อีกเลย แม้จะเพื่อต้องการอย่างอื่น หากแต่ผมก็ยังมักเผลอคิดว่าเธอมีใจให้ทุกที ฉันยังไม่อยากให้เธอลำบากใจกับความในใจของฉันนะ

      (หากเราใกล้กันมากกว่านี้ สักวันมันอาจจะไม่ดี บางสิ่งในใจฉันอาจทำเธอลำบาก ก็ปล่อยเธอลอยอยู่บนฟ้า ขอมองดูเธอจากฝืนดิน แค่เพียงได้เห็นตัวฉันก็สุขใจแล้ว)

      ขอให้ผมแค่ได้แอบมองเธอข้างเดียวอยู่ในมุมมืดของหัวใจก็พอ ผมขอแค่นั้น...จริงๆ

      (ได้แอบมองเธอข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้ ก็พอแล้วไม่มีเงื่อนไขใดๆในความหวังดี แค่ได้ชอบเธออยู่ตอนนี้ ก็ถือเป็นโชคชะตาดีๆ ที่คนอย่างฉันได้เกิดมาพบกับเธอ)


      หลังจากพักกลางวัน ทั้งผมและเพื่อนๆก็ต้องรีบไปเข้าเรียนในวิชาศาสตราวุธ

      "หา...อาจารย์ไม่มา เย้"เสียงเจ้าตัวแสบของชั้นปี เฟรินเดอเบอโรว์ หรือเฟลิโอน่า เกรเดเวล ดังขึ้น เมื่อได้ยินกล่าวจากอาจารย์จากชั้นปีอื่น

      "แต่...."คำพูดนั้นทำให้ไอเฟรินเงียบลงทันที

      "ครูจะมาคุมพวกเธอแทน วันนี้เราจะมาประลองกันระหว่างป้อมอัศวินกับปราสาทขุนนาง โดยการส่งตัวแทนออกมาทีละคน ฝ่ายใดหมดก่อนถือว่าแพ้"จบเสียงพูดของอาจารย์ป้มอัศวินก็โห่ร้องอย่างสะใจ แต่จะมีใครนึกถึงเรานอนบ้างไหม ถ้าเธอออกไปสู้เธออาจจะเจ็บตัวก็ได้...หรือผมคิดมากไปนะ


      คนแรกของป้อมอัศวินคือนายครี้ดทันเดอร์ ส่วนปราสาทขุนนางเป็นผู้ชายตัวเล็ก จะสู้ไอครี้ดได้ไหมนั่นน่ะ

      ผิดคาด! ไอตัวเล็กนั่นแรงมหาสาร

      ไอครี้ดที่เริ่มดูเสียเปรียบพลิกกลับมาเอาชนะได้อย่างน่าอัศจรรย์!

      คู่ที่สองครี้ดต้องแข่งกับผู้ ดูยังไงมันก็ชนะได้แน่ๆ หากแต่มันนั่นแหละมัวแต่หาทางจีบเขาจนแพ้ เฮงซวยจริงๆ!

      คู่ต่อมาคือ เรนอน กลับผู้หญิงคนนั้น เรนอนจะสู้เขาได้ไหมนะ

      "นี่ได้ยินว่า ยัยลาเลเลียนหาทางแก้แค้น ยัยเจ้าหญิงหน้าหวานนั่นนี่นา ได้โอกาสคราวนี้คงไม่พลาด"ผู้หญิงของปราสาทขุนนางคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังผมกระซิบบอกเพื่อน

      "อ้อ ที่ว่าแฟนยัยลาเลเลียนไปตามจีบเรนอนน่ะหรือ"หา...พูดถึงเรนอนงั้นหรือ เฮ้ย แล้วอย่างนี้เรนอนจะทำยังไงล่ะ จะให้ลุกไปช่วยตอนนี้ก็ไม่ได้ซะด้วยสิ


      "โอ๊ย!"เสียงดังมาจากกลางสนาม แย่แล้วเรนอน โดนยังนั่นฟันเข้าที่แขนอย่างจัง ผมรีบวิ่งเข้าไปในขณะที่เพื่อนๆวิ่งเข้ามามุงดูอย่างเป็นห่วง เพราะว่าแผลของเธอไม่สามารถใช้เวทย์มนรักษาได้ เลือดไม่หยุด  ไหลออกมามากจนเรนอนสลบไป

      "ฉันจะพาเรนอนไปห้องพยาบาลเอง"ผมพูดแล้วอุ้มเธอขึ้นวิ่งตรงไปที่ห้องพยาบาล


      เรนอนสลบไปราวๆ 3 ชั่วโมงแล้ว ผมนั่งเฝาเธอตลอดเวลา นี่ก็เย็นแล้วด้วย

      "คิลแกไปอาบน้ำ กินข้าวเถอะ เดี๋ยวฉันกับคาโลจะเฝ้าเรนอนให้เอง"เฟรินพูดเมื่อเดินเข้ามาในห้องพยาบาล

      "อือ ขอบใจ"

      ผมรีบกินข้าว อาบน้ำ แล้วกลับมา ผมหยุดยืนอยู่หน้าห้องพยาบาล

      "เรนอน เป็นยังไงบ้าง"เสียงเย็นๆของคาโลเอ่ยถาม

      "หายแล้วล่ะค่ะคุณคาโล"เสียงใสๆของเรนอนทำให้ผมดีใจ เธอฟื้นแล้ว หากแต่คำพูดต่อมาทำให้ผมชะงักมือที่จะเปิดประตูเข้าไป

      "ขอบคุณคุณคาโลมานะคะ ที่ช่วยฉัน แล้วก็พามาส่งที่นี่"สิ้นประโยคนั้น ผมก็ยิ้มเฝื่อนๆให้กับตัวเองก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นไป

      "เฮ้ยคิล ไม่เข้าไปวะ"เฟรินซึ่งเดินสวนมาถาม

      "เดี๋ยวค่อยมาใหม่ ลืมของน่ะ"ผมปดออกไปก่อนจะรีบเดินออกมา เพราะไม่ออยากให้มันจับความรู้สึกได้


      (และถ้าวันหนึ่งเธอเหนื่อยล้า จากเรื่องต่างๆ จนเธอรู้สึกว่าโลกนี้เหมือนกับไม่เหมือนใคร โปรดจงรู้เอาไว้ ว่าโลกนี้ยังมีความห่วงใย จากมุมเล็กๆตรงนี้เสมอ)


      ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงสวนหลังป้อมอย่างคนเหม่อลอย ผมนั่นลงบนม้านั่งสีเขียวที่ตั้วอยู่ใต้ต้นไม้ มองหมู่มวลดวงดาวที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า ยิ่งมองยิ่งสลดใจ เธอสวยงามน่าเอามาเก็บไว้กับตัวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า สูงส่งจนเกินอาจเอื้อม แต่ดูตัวเขาสิ เข้านั่งอยู่ตรงนี้บนพื้นดิน ห่างกับเธอไกลแสนไกล แต่ว่าโวงจันทร์ที่สวยงามนั้นต่างหากที่เหมาะสมกับดวงดาว


      "คุณคิลคะ"ผมมองตามเสียงนั้นไป เรนอนเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วนั่งลงข้างๆ

      "ขอบคุณนะคะ"ขอบคุณอะไร

      "...."

      "ขอบคุณที่ช่วยพาเรนอนไปห้องพยาบาล"

      "เธอรู้"ผมทำหน้าตกใจ ก็เมื่อกี้เธอยังคิดว่าเป็นคาโลอยู่เลยนะ

      "ค่ะ คุณเฟรินบอก"

      "แล้วออกมาจากห้องพยาบาลทำไม ยังไม่หายดีไม่ใช่หรือ"

      "ฉันมาหาคุณคิลค่ะ"

      "หาผม"

      "ค่ะ"

      "แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่นี่"

      "คุณคิลชอบมานั่งเล่นที่นี่เสมอ"

      "เธอรู้ได้ยังไง"

      "เรนอนเห็นคุณคิลจากระเบียงห้องค่ะ"เรนอนพูดพลางใช้มือชี้ไปที่ระเบียงห้องของเธอ

      "งั้นหรือ"ผมพูดเบาๆ

      "ดาวสวยนะคะคืนนี้"เรนอนพูด

      "อืม"สวยเหมือนเธอไงล่ะ

      "พระจันทร์ก็สวย"ใช่สวยเหมาะกับดวงดาวไง

      "แต่ว่าที่บ้านของย่าของเรนอนที่คาโนวาล เรนอนจะเห็นสุดขอบฟ้าที่มาบรรจบกับผืนแผ่นดิน ภาพนั้นเป็นภาพที่เรนอนประทับใจมากเลยค่ะ"ผืนฟ้า...บรรจบกับ....แผ่นดิน

      "คุณคิลคะ สัญญากับเรนอนนะคะ ว่าจะเป็นเพื่อนที่จะคอยช่วยเหลือกัน ไม่ทิ้งกัน กับเรานอน"เรนอนเอ่ยแล้วยิ้มให้ผม พลางยกนิ้วก้อยขึ้นมา

      "ได้สิ ฉันสัญญา"ผมยกนิ้วก้อยขึ้นเกี่ยวกับเรนอน

      ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะยังไม่ได้พูดความในใจออกไป แต่อย่างน้อยเหตุการที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำให้ผมสามารถดูแลเธอได้ ในฐานะเพื่อนที่ห่วงใยมากคนหนึ่ง ผมขอจบการเล่าเรื่องของผมในครั้งนี้ด้วยประโยคที่ไอเฟรินบอกว่าน่าหมั่นไส้สักประโยคหนึ่ง แค่ได้เพียงรู้ว่าเธอได้มีความสุข แค่เพียงเท่านี้ ผมก็สุขใจ


      (ได้แอบมองเธอข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้ ก็พอแล้วไม่มีเงื่อนไขใดๆในความหวังดี ก็เรื่องดีๆที่มีตอนนี้ แค่ได้เพียงรู้ว่าเธอคนนี้ได้มีความสุขแค่เพียงเท่านี้ฉันก็อุ่นใจ)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×